ข้อมูลและเทคโนโลยีสารสนเทศ
วิวัฒนาการของสารสนเทศ
วิวัฒนาการของสารสนเทศ
โลกยุคกสิกรรม ยุคที่การดำเนินชีวิตของมนุษย์ขึ้นอยู่กับการทำนา
ทำสวน ทำไร่
ยุคนี้มีการซื้อขายสินค้าระหว่างกัน แต่ยังเป็นสินค้าเกษตรเป็นหลัก
มีการนำเครื่องมือเครื่องทุนแรงมาใช้งานให้ได้ผลผลิตมากขึ้น
ยุคอุตสาหกรรม ยุคนี้ในประเทศอังกฤษได้นำเครื่องจักรกลมาช่วยงานทางด้านเกษตร
ทำให้มีผลผลิตมากขึ้น และมีผู้ร่วมงานในระบบมากขึ้น เริ่มมีโรงงานอุตสาหกรรม
เริ่มมีคนงานในโรงงาน ต่อมาก็ได้นำเครื่องจักรกลมาใช้งานและขยายสู่ประเทศต่างๆ
และได้แปรรูปผลผลิตเกษตรออกมามากขึ้น และเครื่องจักรกลทำงานร่วมกับมนุษย์
ซึ่งทำให้โลกเรามีทั้งภาคอุตสาหกรรมและเกษตรกรรมควบคู่กันไป
ยุคสารสนเทศ
จากที่การทำงานของมนุษย์ทั้งด้านเกษตรและด้านอุตสาหกรรม
ทำให้คนงานต้องมีการสื่อสารกันมากขึ้น ต้องมีความรู้ ในการใช้เครื่องจักร
ต้องมีการจัดการข้อมูลเอกสาร ข้อมูลสำนักงาน งานด้านบัญชี จึงทำให้มีคนงานส่วนหนึ่งมาทำงานในสำนักงาน
และต้องมีความรู้ในการประสานงานระหว่างฝ่ายผลิตและลูกค้า
ทำให้มีการพัฒนาเครื่องมือต่างๆ มาช่วยในการประมวลผล
จัดการให้ระบบมีประสิทธิภาพมากขึ้น เกิดการใช้เครื่องมือทางสารสนเทศมากขึ้น
ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเทคโนโลยีสารสนเทศ
ข้อมูลและ
ข้อมูลและรูปแบบของข้อมูล
พิจารณาการประมวลผลข้อมุลในองค์กร
เราอาจแบ่งที่มีของข้อมูลได้ 2 ประเภท คือ
1.
ข้อมูลภายใน เป็นข้อเท็จจริงต่างๆ
ที่เกิดขึ้นภายในองค์กรนั้น ซึ่งอาจเป็นสิ่งที่เกิดจากการปฏิบัติงาน
ของสมาชิกในองค์กร
2.
ข้อมูลภายนอก เป็นข้อมูลหรือข้อเท็จจริง
ที่เกิดขึ้นจากหน่วยงานอื่นๆ นอกองค์กรที่เกี่ยวข้อง
การแบ่งข้อมูลตามแหล่งข้อมูล
ข้อมูลปฐมภูมิ
(Primary Data) คือ ข้อมูลที่ได้จากการเก็บรวบรวมหรือบันทึกจากแหล่งข้อมูลโดยตรงด้วยวิธีต่างๆ
เช่น จากการสอบถามการสัมภาษณ์การสำรวจการจดบันทึก
ข้อมูลทุติยภูมิ
(Secondary Data) คือ
การนำข้อมูลที่ผู้อื่นได้เก็บรวบรวมหรือบันทึกไว้มาใช้งานผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องเก็บรวบรวมและบันทึกด้วยตนเอง
จัดเป็นข้อมูลที่เกิดขึ้นในอดีต มักผ่านการประมวลผลแล้ว
ข้อมูลทั่วๆไปที่มนุษย์ใช้สื่อสารกัน
เช่น เสียง รูปภาพ เป็นปริมาณที่มีค่าต่อเนื่องเรียกว่าปริมาณ อนาลอก
(analog) ถ้าหากให้คอมพิวเตอร์เข้าใจปริมาณเหล่านี้
ต้องเปลี่ยนปริมาณอนาลอกให้เป้ฯปริมาณ ดิจิตอล ( digital) ซึ่งเป็นปริมาณที่ไม่ต่อเนื่อง
เครื่องคอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ประมวลผลด้วนสัญญาณดิจิตอล
สัญญาณนี้จะมีแรงดันไฟฟ้าสองระดับ แทนด้วยระดับลอจิสูง “1” และลอจิต่ำแทนด้วย “0” ซึ่งข้อมูลแต่ละค่าเรียกว่าบิต
หน่วยความจุของข้อมูลที่ใช้ในปัจจุบันมีดังนี้
บิต เป็นหน่วยความจุของข้อมูลที่มีขนาดเล็กที่สุด
คือ
สัญญาณไฟฟ้าเปิดหรือปิด
1 ครั้ง
แทนด้วยตัวเลข
0 หรือ
1 มีอักษรย่อเป็น
b
ไบต์ คือ การนำตัวเลข
0 และ
1 มาเรียงต่อกัน
เพื่อแทนค่ารหัสตัวอักษร
โดยปกติจะต้องใช้จำนวน
8 บิต จึงจะสามารถแทนค่าได้
1 ตัวอักษร
มีอักษรย่อเป็น
B
กิโลไบต์ คือ การนำไบต์มารวมกันจำนวน
1,024 ไบต์
จะมีค่าเท่ากับ
1 กิโลไบต์
ซึ่งมีขนาดประมาณ
1 ย่อหน้าของกระดาษขนาด
A4
มีอักษรย่อเป็น
KB
เมกะไบต์ คือ การนำกิโลไบต์มารวมกันจำนวน
1,024 กิโลไบต์
จะมีค่าเท่ากับ
1 เมกะไบต์
ซึ่งมีขนาด
ประมาณเรื่องสั้น
1 เรื่อง
มีอักษรย่อเป็น
MB
การประมวลผลข้อมูลให้เป็นสารสนเทศโดยใช้คอมพิวเตอร์นั้นข้อมูลต้องอยู่ในรูปแบบของคอมพิวเตอร์เข้าใจ
รหัสแทนข้อมูลที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารหรือสั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงานเป็นระบบเลขฐานสอง
ประกอบด้วย 0 ,1
ซึ่งแต่ละหลักของระบบตัวเลขฐานสองเรียกว่า
บิต
เมื่อนำตัวเลขมาเรียงต่อกันจะเกิดเป็นอักขระ สัญลักษณ์ หรือ
คำสั่งต่างๆเช่น 01000111 แทนด้วยตัวอักขระ G
รหัสแทนข้อมูลที่ใช้ในระบบคอมพิวเตอร์
ได้แก่ รหัสแอสกี รหัสเอบชีดิก
และรหัสยูนิโค้ด โดยมีรายละเอียดดังนี้
รหัสแอสกี
รหัสแอสกี้
เป็นรหัสแทนข้อมูลที่นิยมใช้มากที่สุด โดยใช้เลขฐานสองจำนวน 8 บิต หรือ 1 ไบต์
แทนอักขระ หรือสัญลักษณ์แต่ละตัว ดังตัวอย่าง
รหัสเอบซีดิก
รหัสเอบซีดิก
เป็นรหัสแทนข้อมูลที่ไม่เป็นที่นิยมใช้ในปัจจุบัน มีการกำหนดรหัส 8 บิต ต่อ 1
อักขระ เหมือนรหัสแอสกี แต่รูปแบบการเรียงอักขระแตกต่างกัน โดยรหัสเอบซีดิกจะเรียงลำดับแต่ละบิตที่ใช้แทนอักขระ
ดังตัวอย่าง
รหัสยูนิโค้ด
รหัสเอบซีดิก
เป็นรหัสแทนข้อมูลที่ใช้เลขฐานสอง 16 บิต ในการแทนตัวอักษรต่างประเทศบางประเทศ
และสัญลักษณ์ทางกราฟิกต่างๆ
ในการติดต่อใช้งานหรือสั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงาน
นอกจากจะใช้ระบบตัวเลขฐานสองแล้วยังต้องเกี่ยวข้องกับระบบตัวเลขฐานแปดและฐานสิบหกอีกด้วย
ดังนั้น มนุษย์จึงต้องศึกษาวิธีการเปลี่ยนระบบตัวเลขฐานแปดและฐานสิหกให้เป็นระบบตัวเลขฐานสองให้คล่องแคล่ว
เพื่อใช้เป็นพื้นฐานในการเขียนโปรแกรมภาษาต่อไป ดังตัวอย่าง
ระบบเลขฐาน
ระบบเลขฐาน
1.
ระบบเลขฐานสิบ
มีสัญลักษณ์จำนวน 10 ตัว ได้แก่ 0, 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7,
8, และ 9 การอ่านตัวเลขในระบบเลขฐานสิบ
นิยมอ่านโดยกำหนดตามหลักของตัวเลขฐานสิบ
เช่น อ่านว่าหนึ่งหมื่นหกพันแปดร้อยยี่สิบห้า
2. ระบบเลขฐานสอง
เป็นระบบพื้นฐานที่ใช้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ มีสัญลักษณ์จำนวน 2
ตัว ได้แก่ 0
และ 1
การอ่านตัวเลขในระบบฐานสองจะอ่านเรียงลำดับตามตัวเลขแล้วตามด้วยเลขฐาน เช่น
อ่านว่า หนึ่ง-ศูนย์-หนึ่ง-หนึ่ง-ศูนย์-หนึ่ง-ฐานสอง
3.
ระบบเลขฐานแปด เป็นระบบเลขฐานที่ใช้เพื่อช่วยลดจำนวนของข้อมูลในระบบเลขฐานสอง
ในเครื่องคอมพิวเตอร์ มีสัญลักษณ์จำนวน 8 ตัว
ได้แก่ 0, 1, 2, 3, 4, 5, 6 และ
7 การอ่านตัวเลขในระบบเลขฐานแปด จะอ่านเรียงลำดับตัวเลขแล้วตามด้วยเลขฐาน
เช่น อ่านว่า สี่-สาม-หก-เจ็ด-ฐานแปด
4.
ระบบเลขฐานสิบหก
เป็นระบบเลขฐานที่ใช้เพื่อช่วยลดจำนวนของข้อมูลในระบบเลขฐานสองและ
ระบบเลขฐานแปด มีสัญลักษณ์จำนวน 16 ตัว
โดยใช้ตัวอักษรภาษาอังกฤษเพิ่มขึ้นมา ได้แก่ 0, 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7,
8, 9, A, B,
C, D, E และ
F
การอ่านตัวเลขในระบบเลขฐานสิบหก
จะอ่านเรียงลำดับตัวเลขแล้วตามด้วยเลขฐาน เช่น
อ่านว่า หนึ่ง-ซี-เจ็ด-ฐานสิบหก
ตัวอย่างการแปลงเลขฐาน
ระดับของข้อมูล
ฟิลด์
(Field)
เป็นกลุ่มของไบต์ข้อมูลที่นำมาเรียงต่อกันให้มีความหมายเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่ระบบต้องการ
เรียกว่า (Field
name)
เรคอร์ด
(Record)
เป็นกลุ่มของฟิลด์ข้อมูลที่มีความสัมพันธ์กันมารวมกัน
เพื่อแทนข้อมูลสำหรับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง โดยแต่ละเคคอร์ดต้องมีอย่างน้อยหนึ่งฟิลด์ที่บอกความแตกต่างระหว่างเรคอร์ดเรียกว่ากุญแจหลัก
(Primary key)