วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ใบงานชิ้นที่ 2 เรื่องข้อมูลและเทคโนโลยี



ใบงานชิ้นที่ 2
เรื่อง ข้อมูลและเทคโนโลยีสารสนเทศ

จงตอบคำถามต่อไปนี้
1.            จงให้คำจำกัดความของคำว่า ข้อมูลพร้อมยกตัวอย่างประกอบ
2.            จงให้คำจำกัดความของคำว่า สารสนเทศ พร้อมยกตัวอย่างประกอบ
3.            จงบอกความสัมพันธ์ของข้อมูลและสารสนเทศมาพอเข้าใจพร้อมยกตัวอย่างประกอบ
4.            จงยกตัวอย่างการประมวลผลข้อมูลมาพอเข้าใจ
5.            ข้อมูลที่คอมพิวเตอร์สามารถประมวลผลได้จะอยู่ในรูปแบบใดได้บ้าง
6.            จงให้ความหมายของคำว่า เทคโนโลยีสารสนเทศมาพอเข้าใจ
7.            การเข้าถึงข้อมูลแบบสุ่ม มีการทำงานในลักษณะใด
8.            จงยกตัวอย่างการเก็บข้อมูลในระดับเรคอร์ด
9.            ไฟล์ข้อมูลที่มีข้อมูลประกอบอยู่เป็นจำนวนมาก เราสามารถค้นหาข้อมูลในไฟล์นั้นได้
            อย่างไร
10.           ข้อมูลแบ่งออกได้อีกประเภท  อะไรบ้าง  พร้อมยกตัวอย่างประกอบ

ข้อมูลและเทคโนโลยีสารสนเทศ
วิวัฒนาการของสารสนเทศ
วิวัฒนาการของสารสนเทศ
โลกยุคกสิกรรม   ยุคที่การดำเนินชีวิตของมนุษย์ขึ้นอยู่กับการทำนา ทำสวน ทำไร่  ยุคนี้มีการซื้อขายสินค้าระหว่างกัน แต่ยังเป็นสินค้าเกษตรเป็นหลัก มีการนำเครื่องมือเครื่องทุนแรงมาใช้งานให้ได้ผลผลิตมากขึ้น
ยุคอุตสาหกรรม  ยุคนี้ในประเทศอังกฤษได้นำเครื่องจักรกลมาช่วยงานทางด้านเกษตร ทำให้มีผลผลิตมากขึ้น และมีผู้ร่วมงานในระบบมากขึ้น เริ่มมีโรงงานอุตสาหกรรม เริ่มมีคนงานในโรงงาน ต่อมาก็ได้นำเครื่องจักรกลมาใช้งานและขยายสู่ประเทศต่างๆ และได้แปรรูปผลผลิตเกษตรออกมามากขึ้น และเครื่องจักรกลทำงานร่วมกับมนุษย์ ซึ่งทำให้โลกเรามีทั้งภาคอุตสาหกรรมและเกษตรกรรมควบคู่กันไป
ยุคสารสนเทศ จากที่การทำงานของมนุษย์ทั้งด้านเกษตรและด้านอุตสาหกรรม ทำให้คนงานต้องมีการสื่อสารกันมากขึ้น ต้องมีความรู้ ในการใช้เครื่องจักร ต้องมีการจัดการข้อมูลเอกสาร ข้อมูลสำนักงาน งานด้านบัญชี  จึงทำให้มีคนงานส่วนหนึ่งมาทำงานในสำนักงาน และต้องมีความรู้ในการประสานงานระหว่างฝ่ายผลิตและลูกค้า ทำให้มีการพัฒนาเครื่องมือต่างๆ มาช่วยในการประมวลผล จัดการให้ระบบมีประสิทธิภาพมากขึ้น เกิดการใช้เครื่องมือทางสารสนเทศมากขึ้น ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเทคโนโลยีสารสนเทศ
ข้อมูลและ
ข้อมูลและรูปแบบของข้อมูล
พิจารณาการประมวลผลข้อมุลในองค์กร เราอาจแบ่งที่มีของข้อมูลได้ 2 ประเภท คือ
1. ข้อมูลภายใน  เป็นข้อเท็จจริงต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายในองค์กรนั้น ซึ่งอาจเป็นสิ่งที่เกิดจากการปฏิบัติงาน ของสมาชิกในองค์กร
2. ข้อมูลภายนอก เป็นข้อมูลหรือข้อเท็จจริง ที่เกิดขึ้นจากหน่วยงานอื่นๆ นอกองค์กรที่เกี่ยวข้อง
การแบ่งข้อมูลตามแหล่งข้อมูล
ข้อมูลปฐมภูมิ (Primary Data)  คือ ข้อมูลที่ได้จากการเก็บรวบรวมหรือบันทึกจากแหล่งข้อมูลโดยตรงด้วยวิธีต่างๆ เช่น จากการสอบถามการสัมภาษณ์การสำรวจการจดบันทึก
ข้อมูลทุติยภูมิ (Secondary Data)  คือ  การนำข้อมูลที่ผู้อื่นได้เก็บรวบรวมหรือบันทึกไว้มาใช้งานผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องเก็บรวบรวมและบันทึกด้วยตนเอง  จัดเป็นข้อมูลที่เกิดขึ้นในอดีต  มักผ่านการประมวลผลแล้ว
ข้อมูลทั่วๆไปที่มนุษย์ใช้สื่อสารกัน เช่น เสียง รูปภาพ เป็นปริมาณที่มีค่าต่อเนื่องเรียกว่าปริมาณ อนาลอก (analog) ถ้าหากให้คอมพิวเตอร์เข้าใจปริมาณเหล่านี้ ต้องเปลี่ยนปริมาณอนาลอกให้เป้ฯปริมาณ ดิจิตอล ( digital) ซึ่งเป็นปริมาณที่ไม่ต่อเนื่อง เครื่องคอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ประมวลผลด้วนสัญญาณดิจิตอล สัญญาณนี้จะมีแรงดันไฟฟ้าสองระดับ  แทนด้วยระดับลอจิสูง “1” และลอจิต่ำแทนด้วย “0” ซึ่งข้อมูลแต่ละค่าเรียกว่าบิต

หน่วยความจุของข้อมูลที่ใช้ในปัจจุบันมีดังนี้
บิต  เป็นหน่วยความจุของข้อมูลที่มีขนาดเล็กที่สุด  คือ  สัญญาณไฟฟ้าเปิดหรือปิด  1  ครั้ง  แทนด้วยตัวเลข  0 หรือ  1  มีอักษรย่อเป็น  b
ไบต์  คือ  การนำตัวเลข  0  และ  1 มาเรียงต่อกัน  เพื่อแทนค่ารหัสตัวอักษร  โดยปกติจะต้องใช้จำนวน  8  บิต จึงจะสามารถแทนค่าได้  1  ตัวอักษร  มีอักษรย่อเป็น  B
กิโลไบต  คือ  การนำไบต์มารวมกันจำนวน  1,024  ไบต์  จะมีค่าเท่ากับ  1  กิโลไบต์  ซึ่งมีขนาดประมาณ  1  ย่อหน้าของกระดาษขนาด A4  มีอักษรย่อเป็น  KB
เมกะไบต์  คือ  การนำกิโลไบต์มารวมกันจำนวน  1,024  กิโลไบต์  จะมีค่าเท่ากับ  1  เมกะไบต์  ซึ่งมีขนาด ประมาณเรื่องสั้น  1  เรื่อง  มีอักษรย่อเป็น  MB
  การประมวลผลข้อมูลให้เป็นสารสนเทศโดยใช้คอมพิวเตอร์นั้นข้อมูลต้องอยู่ในรูปแบบของคอมพิวเตอร์เข้าใจ
  รหัสแทนข้อมูลที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารหรือสั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงานเป็นระบบเลขฐานสอง ประกอบด้วย 0 ,1  ซึ่งแต่ละหลักของระบบตัวเลขฐานสองเรียกว่า บิต  เมื่อนำตัวเลขมาเรียงต่อกันจะเกิดเป็นอักขระ สัญลักษณ์ หรือ คำสั่งต่างๆเช่น 01000111 แทนด้วยตัวอักขระ G

  รหัสแทนข้อมูลที่ใช้ในระบบคอมพิวเตอร์ ได้แก่ รหัสแอสกี รหัสเอบชีดิก และรหัสยูนิโค้ด โดยมีรายละเอียดดังนี้
รหัสแอสกี
รหัสแอสกี้ เป็นรหัสแทนข้อมูลที่นิยมใช้มากที่สุด โดยใช้เลขฐานสองจำนวน 8 บิต หรือ 1 ไบต์ แทนอักขระ หรือสัญลักษณ์แต่ละตัว ดังตัวอย่าง
รหัสเอบซีดิก
รหัสเอบซีดิก เป็นรหัสแทนข้อมูลที่ไม่เป็นที่นิยมใช้ในปัจจุบัน มีการกำหนดรหัส 8 บิต ต่อ 1 อักขระ เหมือนรหัสแอสกี แต่รูปแบบการเรียงอักขระแตกต่างกัน โดยรหัสเอบซีดิกจะเรียงลำดับแต่ละบิตที่ใช้แทนอักขระ ดังตัวอย่าง
รหัสยูนิโค้ด
รหัสเอบซีดิก เป็นรหัสแทนข้อมูลที่ใช้เลขฐานสอง 16 บิต ในการแทนตัวอักษรต่างประเทศบางประเทศ และสัญลักษณ์ทางกราฟิกต่างๆ
              ในการติดต่อใช้งานหรือสั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงาน นอกจากจะใช้ระบบตัวเลขฐานสองแล้วยังต้องเกี่ยวข้องกับระบบตัวเลขฐานแปดและฐานสิบหกอีกด้วย ดังนั้น มนุษย์จึงต้องศึกษาวิธีการเปลี่ยนระบบตัวเลขฐานแปดและฐานสิหกให้เป็ระบบตัวเลขฐานสองให้คล่องแคล่ว เพื่อใช้เป็นพื้นฐานในการเขียนโปรแกรมภาษาต่อไป ดังตัวอย่าง
ระบบเลขฐาน
ระบบเลขฐาน
1. ระบบเลขฐานสิบ  มีสัญลักษณ์จำนวน  10  ตัว  ได้แก่  0, 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8,  และ  9  การอ่านตัวเลขในระบบเลขฐานสิบ  นิยมอ่านโดยกำหนดตามหลักของตัวเลขฐานสิบ  เช่น อ่านว่าหนึ่งหมื่นหกพันแปดร้อยยี่สิบห้า    

2. ระบบเลขฐานสอง  เป็นระบบพื้นฐานที่ใช้ในเครื่องคอมพิวเตอร์  มีสัญลักษณ์จำนวน  2  ตัว  ได้แก่  0 
และ  1  การอ่านตัวเลขในระบบฐานสองจะอ่านเรียงลำดับตามตัวเลขแล้วตามด้วยเลขฐาน  เช่น
อ่านว่า  หนึ่ง-ศูนย์-หนึ่ง-หนึ่ง-ศูนย์-หนึ่ง-ฐานสอง
 3. ระบบเลขฐานแปด  เป็นระบบเลขฐานที่ใช้เพื่อช่วยลดจำนวนของข้อมูลในระบบเลขฐานสอง
ในเครื่องคอมพิวเตอร์  มีสัญลักษณ์จำนวน  8  ตัว  ได้แก่  0, 1, 2, 3, 4, 5, 6  และ  7  การอ่านตัวเลขในระบบเลขฐานแปด  จะอ่านเรียงลำดับตัวเลขแล้วตามด้วยเลขฐาน  เช่น     อ่านว่า  สี่-สาม-หก-เจ็ด-ฐานแปด
4. ระบบเลขฐานสิบหก  เป็นระบบเลขฐานที่ใช้เพื่อช่วยลดจำนวนของข้อมูลในระบบเลขฐานสองและ
ระบบเลขฐานแปด  มีสัญลักษณ์จำนวน  16  ตัว  โดยใช้ตัวอักษรภาษาอังกฤษเพิ่มขึ้นมา  ได้แก่  0, 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9, A, B, C, D, E  และ 
F 
การอ่านตัวเลขในระบบเลขฐานสิบหก  จะอ่านเรียงลำดับตัวเลขแล้วตามด้วยเลขฐาน  เช่น     อ่านว่า  หนึ่ง-ซี-เจ็ด-ฐานสิบหก
ตัวอย่างการแปลงเลขฐาน
 
 


ระดับของข้อมูล
 
ฟิลด์ (Field) เป็นกลุ่มของไบต์ข้อมูลที่นำมาเรียงต่อกันให้มีความหมายเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่ระบบต้องการ เรียกว่า (Field name)
เรคอร์ด (Record) เป็นกลุ่มของฟิลด์ข้อมูลที่มีความสัมพันธ์กันมารวมกัน เพื่อแทนข้อมูลสำหรับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง โดยแต่ละเคคอร์ดต้องมีอย่างน้อยหนึ่งฟิลด์ที่บอกความแตกต่างระหว่างเรคอร์ดเรียกว่ากุญแจหลัก (Primary key)